ธุรกิจเครือข่าย - ระบบสร้างเงิน

เรื่องที่นักธุรกิจเครือข่ายต้องบอกต่อ...
ธุรกิจเครือข่าย :: สร้างระบบสร้างเงิน 

เรื่องราวต่อไปนี้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการมีรายได้ 
สำหรับลูกจ้างและคนทำธุรกิจส่วนตัว ที่ต้องการก้าวไปเป็นเจ้าของกิจการหรือนักลงทุน
และสำหรับทุกคนที่ต้องการมากกว่า "ความมั่นคงของงาน" นั่นคือ "ความมั่นคงทางการเงิน
นี่ไม่ใช่เส้นทางที่ปูลาดด้วยกลีบกุหลาบ แต่มั่นใจได้ว่าจุดหมายปลายทางนั้น คุ้มค่าแก่ความพยายามยิ่งนัก 
เพราะสุดทางเส้นนี้คือ "อิสรภาพทางการเงิน"

เราทุกคนมีรายได้มาจากงาน 4 ประเภทคือ ลูกจ้าง คนทำธุรกิจส่วนตัว เจ้าของกิจการ และนักลงทุน 
เราทุกคนยืนอยู่บนด้านใดด้านหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่ารายได้ของคุณมาจากทางใด หากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน 
คุณคือลูกจ้างและอยู่ด้านซ้าย อีกกลุ่มที่อยู่ด้านเดียวกันกับลูกจ้างคือพวกประกอบธุรกิจส่วนตัว 
ส่วนด้านขวาคือผู้ที่มีรายได้จากกิจการที่ตนเองเป็นเจ้าของและนักลงทุน

มีนิทานเรื่องหนึ่งที่สอนให้เข้าใจความแตกต่างระหว่างคน 4 กลุ่มนี้ได้อย่างชัดเจน เรื่องราวของนิทานเป็นดังนี้คือ

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่ แต่น่าเสียดายที่มีปัญหาอยู่ว่า หมู่บ้านจะขาดน้ำถ้าหากฝนไม่ตก เพื่อแก้ปัญหานี้ กรรมการหมู่บ้านจึงประกาศหาคนรับจ้างขนส่งน้ำมาให้คนในหมู่บ้านใช้ ชายหนุ่มสองคนเสนอตัวรับทำงานนี้ กรรมการหมู่บ้านตกลงทำสัญญากับชายทั้งสอง โดยหวังว่าเขาทั้งสองคนจะได้แข่งขันกันทำงาน และรักษาราคาให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทันทีที่ได้รับการว่าจ้าง เอ็ด...ชายคนแรกรีบวิ่งไปซื้อกระป๋องตักน้ำมา 2 ใบ แล้วเริ่มตักน้ำจากลำธารมา
ใส่ถังคอนกรีตให้คนในหมู่บ้านไว้ใช้ในทันที ทุก ๆ เช้าเขาจะรีบตื่นก่อนคนอื่น ๆ เพื่อดูแลให้มีน้ำในถังเพียงพอสำหรับทุกคน แม้งานจะหนักแต่เอ็ดก็มีความสุข เพราะมีเพียงเขาและชายอีกคนหนึ่งเท่านั้นที่ได้งานนี้

ชายคนที่สอง บิล...หายตัวไปเป็นเดือน ซึ่งทำให้เอ็ดดีใจมากเพราะไม่ต้องแบ่งงานให้ใคร และได้รับรายได้เต็ม ๆ เพียงลำพัง

แทนที่จะรีบวิ่งไปซื้อถังน้ำ บิลเตรียมเขียนแผนธุรกิจ จัดตั้งบริษัท หาผู้ร่วมทุน จ้างผู้จัดการ และกลับมาพร้อมทีมงานก่อสร้างในหกเดือนต่อมา เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการสร้างท่อน้ำสแตนเลสขนาดใหญ่ เชื่อมต่อระหว่างลำธารเข้ามาในหมู่บ้าน ในงานวันเปิดท่อขนส่งน้ำ บิลประกาศว่าน้ำของเขาสะอาดกว่าน้ำของเอ็ด เพราะบิลรู้ว่ามีคนบ่นเรื่องคุณภาพน้ำที่เอ็ดขนมาเสมอ ๆ นอกจากนี้บิลยังแจ้งว่า เขาสามารถทำให้ทุกคนมีน้ำใช้ตลอด 24 ชั่วโมงและตลอด 7 วันต่อสัปดาห์อีกด้วย ขณะที่เอ็ดส่งน้ำให้หมู่บ้านได้เฉพาะวันทำการ เพราะเขาหยุดทำงานวันเสาร์และอาทิตย์ สุดท้าย บิลประกาศว่าเขาจะเก็บค่าน้ำถูกกว่าเอ็ดร้อยละ 75 โดยที่ทุกคนจะได้น้ำคุณภาพดีกว่า สิ้นเสียงของบิล ทุกคนปรี่กันเข้าไปที่ก๊อกน้ำจากท่อที่บิลสร้าง

เอ็ดไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เขาพยายามที่จะแข่งขันกับบิลด้วยการลดราคาลงร้อยละ 75 เหมือนกัน ซื้อถังน้ำเพิ่มอีกสองถังพร้อมฝาปิด และใช้วิธีลากทีละสี่ถังในแต่ละเที่ยว ทั้งยังจ้างลูกชายสองคนมาช่วยขนน้ำรอบกลางคืนและช่วงวันหยุดอีกด้วย เมื่อเด็กทั้งสองโตขึ้นและถึงเวลาจากบ้านเพื่อไปเรียนต่อ เอ็ดบอกลูกทั้งสองว่า "จงรีบกลับมา เพราะวันหนึ่งธุรกิจนี้จะตกเป็นของเจ้า" แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลกลใด จนแล้วจนรอด ลูกชายทั้งสองของเอ็ดก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย

ขณะเดียวกัน บิลมีความคิดว่าถ้าหมู่บ้านนี้ต้องการน้ำ หมู่บ้านอื่นก็คงขาดน้ำและต้องการระบบน้ำของเขาเหมือนกัน บิลจึงปรับปรุงแผนธุรกิจเพื่อนำน้ำที่มากด้วยคุณภาพ ปริมาณ สะอาด แต่ราคาย่อมเยาไปเสนอให้แก่หมู่บ้านอื่น เขาคิดเงินแค่ถังละเพนนีเดียว แต่บิลสามารถส่งน้ำเป็นพัน ๆ ล้านถังต่อวัน น้ำไหลจากลำธารสู่แต่ละครัวเรือนทุกวี่ทุกวันโดยที่บิลไม่ต้องไปทำงานเลย ตลอดเวลาที่น้ำไหลเข้าบ้านของคนในหมู่บ้าน เงินก็ไหลเข้าบัญชีของเขาอย่างสม่ำเสมอ

บิลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหลังจากสร้างระบบเสร็จ ขณะที่เอ็ดต้องทำงานหนักไปตลอดชีวิต พร้อมกับปัญหาการเงินที่อยู่คู่กับเขาจนวาระสุดท้าย 

หากคุณกำลังดิ้นรนเพราะขัดสนเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ หากคุณต้องการควบคุมสถานะทางการเงินของตัวเอง ต้องการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปสู่การมีอิสรภาพทางการเงิน โปรดนึกถึงเรื่องของเอ็ดและบิลอยู่เสมอ นิทานเรื่องนี้จะช่วยในการตัดสินใจของคุณเสียใหม่ ดังนั้น จงหมั่นเตือนสติและถามตัวเองอยู่เสมอว่า

"เรากำลังลากถังน้ำหรือสร้างท่อน้ำ"
"เรากำลังทำงานอย่างหนักหรืออย่างฉลาด"

วันนี้คุณสร้างท่อน้ำ นำเงินเข้าสู่ครอบครัวคุณได้ง่าย ๆ ด้วยการสร้างเครือข่ายผู้บริโภค ร่วมกับเรา
ลองดูสิ... ไม่นานนักหรอก เงินก็จะไหลเข้าสู่ครอบครัวคุณไม่มากก็น้อย เพียงคุณลงทุนเพียงเวลา และความพยายามเท่านั้นเอง